นักวิจัยกอดคอเฮ!! ครม.ปลดล็อคงานวิจัยขึ้นหิ้ง เลขาธิการ สวทน. ลั่น เดินหน้าพัฒนาระบบสนับสนุนการวิจัยและส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมเต็มสูบ
5 กันยายน 2561
หลังจากที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สวทน. ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อหวังปลดล็อคการนำงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม แล้วเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 โดยกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของไทย ในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นปัญหาติดขัดมาหลายปี และจะช่วยปลดล็อคปัญหาผลงานวิจัยขึ้นหิ้งได้อย่างเป็นรูปธรรม
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า กฎหมายส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นกฎหมายที่ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย ได้ประกาศใช้เป็นเวลานานแล้ว โดยในสหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) ซึ่งส่งผลให้การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น เกิดทรัพย์สินทางปัญญากว่า 13,600 ฉบับ มหาวิทยาลัยยื่นจดสิทธิบัตรประมาณ 3,000 ฉบับต่อปี และเกิดบริษัทตั้งใหม่ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัย 5,000 บริษัท รวมถึงเกิดการจ้างงานจากเทคโนโลยีที่เกิดจากมหาวิทยาลัย มากกว่า 250,000 อัตราครับ ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้สหรัฐอเมริกามีฐานความสามารถทางเทคโนโลยีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
สำหรับประเทศไทยได้นำแนวคิดนี้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการขับเคลื่อนให้เกิดระบบเศรษฐกิจนวัตกรรม ซึ่งปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยหลายแห่งที่เริ่มมีการทำวิจัยเชิงลึก ซึ่งเมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยได้เป็นเจ้าของผลงานวิจัยแล้วจะสามารถนำผลงานไปต่อให้กับภาคผลิตและบริการได้อย่างคล่องตัว ได้รับรายได้กลับมาที่หน่วยงานและจัดสรรให้กับนักวิจัย และเมื่อนักวิจัยได้รับส่วนแบ่งรายได้ก็จะเกิดแรงจูงใจในการสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของภาคการผลิตและบริการ ยิ่งไปกว่านั้น หากนักวิจัยจะนำเอาผลงานวิจัยนั้นไปต่อยอดและทำธุรกิจเอง เกิดเป็น Spin-off Company หรือจัดตั้งเป็นบริษัท Startup ทำธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
“พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย เป็นกลไกที่ช่วยกระตุ้นให้ผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยถูกถ่ายทอดไปยังบริษัทเอกชน สร้างผู้ประกอบการใหม่ หรือ Startup และบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศได้ตามเป้าหมาย ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้แก่นักวิจัย ผู้ประกอบการ และบริษัท รวมถึงส่งผลให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น และนำเอารายได้จากภาษีนี้กลับมาลงทุนด้านการวิจัยต่อไปได้อีก ทั้งนี้ กระทรวงใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น ก็จะเดินหน้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนเรื่องกฎหมายนี้ต่อไป ทั้งด้านการสร้างความเข้มแข็งของ Technology Licensing Office ของมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยไปจนถึงการสนับสนุน และส่งเสริมการวิจัยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม” ดร.สุวิทย์ กล่าว
ด้าน ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการ สวทน. กล่าวว่า ที่ผ่านมาการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เป็นปัญหาติดขัดมาหลายปี กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดย สวทน. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัย สถาบันวิจัย ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงประสานงานร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สภานิติบัญญัติ (สนช.) เพื่อหารือถึงแนวทางปลดล็อคปัญหาดังกล่าว จนนำมาสู่การเกิด พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าจะช่วยปลดล็อคปัญหาผลงานวิจัยขึ้นหิ้งได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม มีสาระสำคัญ อาทิ การให้สิทธิหน่วยงานผู้ทำวิจัย ได้แก่ มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย รัฐวิสาหกิจ ในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากงบประมาณของรัฐ ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้, หน่วยงานวิจัยที่ได้รับสิทธิ หากไม่นำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ภายใน 2 ปี สิทธิในทรัพย์ทางปัญญาของผลงานวิจัยนั้นจะกลับมาเป็นของหน่วยงานให้ทุน, นักวิจัย ผู้มีส่วนร่วมในผลงานวิจัยนั้น ยังคงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนหรือรายได้ที่เกิดขึ้นจากการที่มหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยได้รับส่วนแบ่งในสัดส่วนที่เหมาะสมตามกฎหมายสิทธิบัตร เป็นต้น
สำหรับการดำเนินงานลำดับต่อไป สวทน. จะเดินหน้าพัฒนาระบบสนับสนุนการวิจัย และส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรม เต็มสูบ โดยเตรียมจัดทำแผนปฏิบัติงานเพื่อสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการนวัตกรรม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีของภาคมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย รวมถึงการส่งเสริมการวิจัยเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) และการสร้างอาชีพ “นักถ่ายทอดเทคโนโลยี” (Technology Management Professional) ขึ้น โดยจัดตั้งเป็นเครือข่ายวิชาชีพการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมไทย หรือ AIMs – Thailand (Alliance of Innovation Management Professionals)
---------------------------------------------
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.)
โทรศัพท์ 02160 5432 ต่อ 730 (วรรณพร) 081-7536119 (แพรประพันธ์)
Email: pr@sti.or.th / Website: www.sti.or.th/sti / Facebook: https://www.facebook.com/STI สวทน.