เมืองนวัตกรรมอาหารเดินหน้าระดมพลนักวิจัยเพื่อภาคอุตสาหกรรม พร้อมจัดงาน Talent Mobility for Food innovation 2017 “ยกระดับเมือง อุตสาหกรรมอาหารไทย ด้วยการวิจัยและพัฒนา”
15 มีนาคม 2560
ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ รักษาการรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และซีอีโอเมืองนวัตกรรมอาหาร กล่าวว่า จากมติในที่ประชุม คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2558 เห็นชอบให้จัดตั้งโครงการ “เมืองนวัตกรรมอาหาร” (Food Innopolis) ในลักษณะที่เป็น Super Cluster ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์สำหรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษในพื้นที่เป้าหมาย ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนในการสร้างศักยภาพด้านการลงทุนและพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีความสามารถในการแข่งขัน และเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการจัดตั้งและดำเนินการเมืองนวัตกรรมอาหารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร” ซึ่งปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนดังกล่าว คือนักวิจัย และกลไกสนับสนุนให้นักวิจัยในภาครัฐและเอกชนได้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
โดยกรอบยุทธศาสตร์ของเมืองนวัตกรรมอาหาร จะเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนบริษัทอาหาร ในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการ และความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รวม ถึงการเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จและบริการครบวงจรด้วย Service Platform ที่ประกอบไปด้วย Global Network, Facilities & W=Equipment, Nutrition & Food Safety, Talent Mobility, Academy, FDA อีกทั้งยังส่งเสริมการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐานวิเคราะห์ทดสอบและความปลอดภัยด้านอาหาร โดยอาศัยกลไกประชารัฐ เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานวิจัย เพื่อสร้างนวัตกรรมอาหาร โดยระบบมีความปลอดภัยสูง เพื่อรักษาข้อมูลความลับ และการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาตามมาตรฐานสากล และการส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยพัฒนา (Talents) จากทั่วโลก มาร่วมวิจัยพัฒนากับบริษัทและหน่วยงานในเมืองนวัตกรรมอาหาร รวมถึง พัฒนาบุคลากรด้านนวัตกรรมอาหาร
ผศ.ดร. พูลศักดิ์ โกษียาภรณ์ รักษาการผู้อำนวยการด้านพัฒนากำลังคนสะเต็ม สวทน. กล่าวเสริมถึงนโยบายส่งเสริมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) จากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยภาครัฐ ไปปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในภาคเอกชน (Talent Mobility) ทำให้สามารถปลดล็อกให้นักวิจัยและนักเรียนทุนมาทำงานในภาคเอกชนโดยสามารถนับอายุงานและการใช้ทุนได้ และยังสามารถนำผลการปฏิบัติงาน ในภาคเอกชนไปใช้ในการขอตำแหน่งทางวิชาการได้ตามเกณฑ์การตกลงของต้นสังกัด ซึ่งปัจจุบันมีการเคลื่อนย้ายบุคลากรไปยังองค์กรเอกชนแล้ว 568 คนโดยมีภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ 177 บริษัท และมีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่เข้าร่วมแล้วกว่า 21 แห่ง
ดังนั้น เมืองนวัตกรรมอาหาร และ Talent Mobility จึงได้กำหนดจัดงาน Talent Mobility for Food Innovation 2017 “ยกระดับเมือง อุตสาหกรรมอาหารไทย ด้วยการวิจัยและพัฒนา” ระหว่างวันที่ 24 - 25 มีนาคม 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อสร้างการรับรู้และตระหนักถึงศักยภาพของบุคลากร ด้านอาหารของไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่ผลงานวิจัย หรือเทคโนโลยีที่สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ และเพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการทำวิจัย ระหว่างผู้ประกอบการ และนักวิจัย โดยคาดหวังกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมงาน 400 ท่าน ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชน ผู้มีบทบาท ต่อการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร เช่น หน่วยงานให้ทุนวิจัย มหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ ที่สนับสนุนการวิจัยทั้งในและนอกกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ นักเรียนทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และสื่อมวลชน เป็นต้น
การจัดงาน Talent Mobility for Food Innovation 2017 “ยกระดับเมือง อุตสาหกรรมอาหารไทย ด้วยการวิจัยและพัฒนา” จะมีทั้งการปาฐกถาพิเศษและการบรรยาย การเสวนาเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมอาหาร การอบรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร การจัดแสดงนิทรรศการข้อมูลนักวิจัย และหน่วยงานสนับสนุน รวมถึงการจัดพื้นที่พบกันระหว่างผู้ประกอบการ นักวิจัยจากภาครัฐ และหน่วยงานสนับสนุน (Matching Zone) กว่า 15 จุดเพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการทำวิจัย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประสานการพบปะหารือ การให้คำปรึกษาด้านการขอรับการสนับสนุนจากแห่งทุนวิจัยภาครัฐ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นต้น รวมถึงจะมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพการวิจัยและพัฒนาของประเทศและการยกระดับความสามารถการแข่งในภาคเอกชนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งจะทำให้มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนร่วม หรือความร่วมมือเครือข่ายสำหรับการเคลื่อนย้ายบุคลากรในโครงการ Talent Mobility เพิ่มเติม อีกทั้งผู้ประกอบการก็จะมีทางเลือกในการรับทุนวิจัยตามลักษณะงานวิจัยได้มากขึ้น ผู้ประกอบการที่สนใจค้นหานักวิจัย นักวิจัยที่สนใจเข้าร่วมโครงการหรือผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนได้ที่ http://register.sti.or.th/TMFood2017
“นอกจากนี้ เมืองนวัตกรรมอาหาร ยังได้มีการจัดทำเว็บไซต์ FI-Databank เพื่อเพิ่มโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรม สามารถเข้าถึงงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและการวิจัยในการสร้างมูลค่า เพิ่มและการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จากผลงานวิจัย” ดร.อัครวิทย์ กล่าว